ปราสาทธาตุนางพญา หรือคูห้วยธาตุ ตำบลหนองสะโน อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี เป็นโบราณสถานก่อด้วยศิลาแลง ตั้งอยู่กลางลานกว้าง หันหน้าไปทางทิศตะวันออก สิ่งก่อสร้างสำคัญที่หลงเหลืออยู่คืออาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหลังหนึ่ง ล้อมรอบด้วยกำแพงศิลาแลง มีซุ้มประตูให้เดินเข้าไปด้านในได้เฉพาะด้านทิศตะวันออก ส่วนทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของปราสาทมีสระน้ำรูปสี่เหลี่ยมขนาดเล็กอยู่ 1 สระ โดยรอบโบราณสถานมีกลุ่มกองชิ้นส่วนศิลาแลงวางกระจายอยู่ทั่วไป
คุณมนต์รัก นะโส ชาวบ้านบ้านหนองสะโน เล่าให้ฟังว่า ปราสาทธาตุนางพญา มี “แม่ย่าธาตุ” เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยคุ้มครองรักษาสถานที่นี่แม่ย่าธาตุจะสิงสถิตอยู่ด้านบน ภายในปราสาท ชาวบ้านนิยมนำขันธ์ 5 มาถวายเพื่อบนบานศาลกล่าวขอสิ่งต่างๆ กับแม่ย่าธาตุ บ้างขอโชคลาภ ขอให้เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน การเรียน ขอให้เจอของที่ทำหาย เป็นต้น พอสำเร็จก็จะพากันมาแก้บน สิ่งของหลักที่นำมาใช้ในการแก้บน ได้แก่ ผลไม้ 9 อย่าง ไม่จำกัดจำนวนผล หมากพลู ขันธ์ 5 ไข่ต้ม บางคนนำชุดไทยมาถวาย ยกเว้นเพียงเนื้อสัตว์เท่านั้น ด้วยเชื่อว่าแม่ย่าธาตุเป็นผู้ทรงศีล ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ ในการแก้บนจะจุดธูป 9 ดอก ทั้งนี้การแก้บนสามารถทำได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องมีแม่หมอหรือร่างทรงมาประกอบพิธีให้
ทุกวันนี้ แม้ปราสาทธาตุนางพญาจะเป็นโบราณสถานร้าง แต่ก็ไม่ใช่สถานที่ที่โดดเดี่ยว เงียบเหงา เพราะยังมีชาวบ้านเข้ามาใช้ประโยชน์ ทำให้โบราณสถานร้างมีชีวิตชีวาขึ้น เป็นความพยายามในการอนุรักษ์โบราณสถานด้วยวิถีแบบชาวบ้าน เช่น การผูกโบราณสถานเข้ากับตำนานความเชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติ เราจึงได้เห็นชาวบ้านพากันมากราบไหว้แม่ย่าธาตุและศาลปู่โสม ศาลศักดิ์สิทธิ์ขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ริมสระน้ำด้านหลังปราสาท นอกจากนั้นในช่วงระหว่างวันที่ 12–14 มกราคมของทุกปี ชาวบ้านและหน่วยงานราชการท้องถิ่นจะร่วมกันจัดงาน “สมโภชปราสาทธาตุนางพญา” เป็นงานใหญ่ที่จัดมาอย่างต่อเนื่องนานนับสิบปี
โดยในวันที่ 12 มกราคมจะมีพิธี “ไหว้แม่ย่าธาตุ” จากนั้นวันที่ 13 มกราคมจะมีพิธีบวชพราหมณ์ ในวันนั้นจะชาวบ้านทั้งชายหญิงจากทั่วสารทิศจะนุ่งขาวห่มขาวมาร่วมปฏิบัติธรรมที่นี่ เล่ากันว่าบางปีมีคนมาร่วมงานกว่าพันคน ทำให้ลานกว้างรอบปราสาทดูคับแคบไปถนัดตา เพราะเต็มไปด้วยรถยนต์ โรงทาน และผู้คนจำนวนมากในงานมีทั้งพิธีสงฆ์ พิธีบวงสรวงแบบพราหมณ์ คนที่มาปฏิบัติธรรมจะร่วมกันไหว้พระ สวดมนต์ นั่งสมาธิ เดินจงกรมตลอดคืนวันที่ 13 และจะลาบวชในช่วงรุ่งเช้าของวันที่ 14 จึงเป็นอันเสร็จพิธี